วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Skincare Basic 7

Is Toner Really Necessary?

Toner มีประโยชน์อย่างไร? จำเป็นต้องใช้หรือไม่?

แต่โบราณกาลมา Toner ถูกผลิตโดยการชูจุดขายในการ “ทำความสะอาดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่ตกค้าง” นั่นเป็นเพราะสมัยก่อนคงใช้พวก Cleansing Cream หรือ Cleansing Lotion ทำความสะอาดเครื่องสำอางแล้วใช้สำลีหรือกระดาษทิชชู่เช็ดออก (ไม่ได้ล้างออกด้วยน้ำ) จึงต้องใช้ Toner เพื่อช่วยเช็ดคราบตกค้างที่หลงเหลืออยู่ออกให้หมด… แต่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีก้าวไกล Cleanser แบบ Detergent Base สามารถทำความสะอาดได้หมดจดไม่เหลือคราบตกค้าง (ถ้าคุณใช้อย่างถูกวิธีนะ) Toner ที่มีประโยชน์เพียงเพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่ตกค้างคงจะล้าสมัยไปแล้ว

Toner ที่ดีจะมีคุณประโยชน์กับผิวอย่างมากมาย เริ่มตั้งแต่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมต่อการบำรุงขั้นต่อไป (เพราะผิวที่มีความชื้นอยู่จะได้รับประโยชน์จากมอยซ์เจอไรเซอร์ได้ดีกว่าผิวที่แห้งสนิท) และถ้า Toner ที่คุณใช้มีค่า pH เป็นกรดอ่อนก็จะสามารถช่วยปรับค่า pH ให้ผิวได้ในทันทีอีกด้วย (ถ้ารอให้ผิวปรับค่า pH ด้วยตัวเองต้องใช้เวลา 30 นาทีขึ้นไปเชียวนะ) นอกจากนี้ Toner ที่ส่วนผสมดีเลิศก็จะอุดมไปด้วย Soothing Agent ที่ช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคือง มีสารแอนติออกซิแดนท์ วิตามิน สารสกัดจากพืชที่ช่วยบำรุงผิวได้ในขั้นตอนเดียว ถ้าเด็ดมาก ๆ ก็จะมี AHAs หรือ BHA ที่มีความเข้มข้นและค่า pH เหมาะสมมาให้ด้วย ก็ทำให้คุณลดขั้นตอนการบำรุงผิวไปได้อีก 1 ขั้น





จำเป็นต้องใช้ Toner รึเปล่า... ตามหลักการก็คงบอกว่าไม่จำเป็นขอรับ แต่ถ้าคิดที่จะใช้ก็ต้องหาโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมดี ๆ ก็จะมีประโยชน์กับผิวมากมาย ในทางกลับกัน...ถ้าคุณไปดันทุรังใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมห่วย ๆ มันก็จะเป็นการเสียเงิน เสียเวลาเปล่า และอาจจะก่อปัญหาผิวอื่นๆตามมาอีกด้วย



Toner, Tonic, Astringent เหมือนกันรึเปล่า? แล้วทำไมบางผลิตภัณฑ์ที่เหลวเป็นน้ำเหมือน Toner กลับเรียกว่า Lotion?



ไม่ว่าจะชื่อ Toner หรือ Tonic หรือ Astringent ต่างก็มีลักษณะเป็นน้ำเหมือนกัน ใช้หลังล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวเหมือนกัน ส่วนจะมีคุณสมบัติอย่างไรเราต้องดูกันที่ส่วนผสมเป็นหลัก

ผลิตภัณฑ์ที่ระบุเอาไว้ว่าเป็น Astringent ก็จะสื่อว่ามันมีคุณสมบัติในการกระชับรูขุมขน ซึ่งเป็นผลมาจากแอลกอฮอล์หรือสารสกัดที่มีคุณสมบัติเป็น Astringent อย่าง Witch Hazel ทำให้รูขุมขนหดตัว (จากการระคายเคือง)

บางผลิตภัณฑ์ที่เหลวเป็นน้ำแต่กลับเรียกว่า Lotion นั้นก็ไม่เชิงว่าผิดซะทีเดียว เพราะคำว่า Lotion จะหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความหนืดต่ำถึงปานกลาง ส่วนใหญ่เครื่องสำอางที่มาจากประเทศญี่ปุ่นจะเรียกผลิตภัณฑ์ที่เหลวเป็นน้ำแบบ Toner ว่า Lotion และจะเรียกผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเหมือนน้ำนมข้น ๆ ว่า Emulsion แทน (ตัวอย่างก็เช่น Kose : Sekkisei) และมี Toner ที่มีเนื้อข้นจนเหมือน Emulsion ขายอยู่บ้างเหมือนกัน (อย่างเช่น Lancome : TONIQUE CONFORT)


Toner ที่มีส่วนผสมดีเป็นอย่างไร? แล้ว Toner แบบไหนที่เรียกว่าไม่ดี?


การจะบอกว่า Toner ตัวไหนมีคุณภาพดีนั้น เราต้องดู Ingredients List ว่ามีส่วนผสมของสารแอนติออกซิแดนท์อยู่เยอะไหม มี Soothing Agent มาช่วยลดการระคายเคืองบ้างรึเปล่า มี Natural Moisturizing Factor ช่วยให้ความชุ่มชื้นรึเปล่า ที่สำคัญต้องปราจาก Alcohol ชนิดระเหยง่าย (อย่าง Alcohol Denat., SD-Alcohol, Ethanol) รวมถึงไม่มีส่วนผสมของสารก่อการระคายเคืองอื่น ๆ (ไม่มีสีและน้ำหอมด้วยจะเลิศมาก)

Toner ที่มีส่วนผสมแค่ (น้ำ + แอลกอฮอล์ + สารให้ความชุ่มชื้นนิดหน่อย + น้ำหอม + สี + สารกันเสีย) นั้นถือเป็นโบราณวัตถุที่สมควรจะอัปเปหิตัวเองไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ได้แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังมี Toner เส็งเคร็งแบบนี้ออกวางขายกันอยู่ทั่วไป ซ้ำร้ายก็อาจมีราคาแพงกระฉูดอีกด้วย




Toner แบบไหน เหมาะกับผิวประเภทใด?


ผิวทุกสภาพสามารถได้รับประโยชน์จาก Toner ได้ถ้ารู้จักเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหมาะกับผิว

ผู้ที่มีผิวผสมถึงผิวมันก็ต้องเลือก Toner ที่ให้ความชุ่มชื้นแบบบางเบา ไม่มี Oil, Emollients หรือ Film-Forming Agent ที่ทำให้หน้ามันเหนียวเหนอะหนะ สำหรับผู้ที่มีผิวมันมาก Toner ที่มีส่วนผสมดีจะสามารถเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ไปในตัว ไม่จำเป็นต้องทาครีมหรือโลชั่นเพิ่มความมันบนผิวให้หนักหน้า


ผู้ที่มีผิวแห้งก็ต้องเลือก Toner ที่มีส่วนผสมของพวก Lipid, Emollients, หรือ Oil เพื่อช่วยเคลือบให้รู้สึกลื่นสบายผิว สารกลุ่ม Soothing Agent ที่ช่วยลดการระคายเคืองได้ก็เหมาะกับผิวแห้งมากเหมือนกัน


ผู้ที่มีผิวธรรมดานั้นก็ต้องเลือก Toner ที่ปราศจากแอลกอฮอล์และสารก่อการระคายเคืองเหมือนกับผิวแบบอื่น เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมพวก Lipid, Emollients, หรือ Oil มาเสริมก็ได้


สำหรับผิวเป็นสิวก็สามารถเลือกใช้ Toner ตามแบบผิวมัน อาจจะผสม Alcohol บ้างก็ได้ เพราะ Alcohol มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้และบางคนไม่ได้ไวต่อสารตัวนี้เป็นพิเศษ แต่คุณก็ต้องรู้ด้วยว่า Alcohol นั้นมีผลเสียกับผิวมากมาย ตั้งแต่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ก่ออนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิว และก่อความระคายเคืองได้ง่าย ในบางคนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Alcohol ปริมาณสูงก็ทำให้สิวที่เป็นอยู่นั้นย่ำแย่ลงได้ (หรือไม่เคยมีสิวมาก่อนก็กลายเป็นสิวได้) ยังมีวิธีการรักษาสิวอีกมายมายที่ปลอดภัยกว่าการใช้ Toner ที่มีส่วนผสมของ Alcohol ซึ่งคุณต้องชั่งใจดูว่าประโยชน์ที่คุณได้นั้นคุ้มกับสิ่งที่คุณต้องเสียไปหรือไม่




ใช้ Toner ที่มีส่วนผสมของ Alcohol แล้วไม่ดีต่อผิวอย่างไร?


Toner หรือเครื่องสำอางที่ผสม Alcohol มาในปริมาณสูงจะให้ความรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นแห้งเร็ว (มันระเหยเร็วขอรับ ไม่ได้หมายความว่ามันซึมลงผิวไปได้เร็ว) ไม่หนักหน้า ทำให้รูขุมขนหดตัว (ด้วยความระคายเคือง)

Alcohol มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ จึงสามารถช่วยรักษาสิวได้ในบางคน แต่ Alcohol ก็ยังทำลายชั้น Intercellular Matrix ที่ช่วยเคลือบปกป้องผิวจากปัจจัยลบภายนอกอีกด้วย การใช้ Alcohol กับผิวบ่อย ๆ จะทำให้ชั้นเคลือบปกป้องผิวอ่อนแอลง ผิวก็จะแห้ง หยาบกร้าน และติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ Alcohol ยังก่ออนุมูลอิสระที่เป็นศัตรูร้ายทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวแก่เร็วอีกด้วย

ส่วนตัวแล้วกระผมจะไม่แนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Alcohol ในปริมาณสูง หรืออยู่ในอันดับที่ 1 – 4 ของ Ingredients List ส่วนถ้าอยู่ในอันดับถัดไปอย่างอันดับที่ 5 – 8 ก็ยังถือว่าพอทนสำหรับคนที่ไม่ได้ไวหรือแพ้ Alcoholเป็นพิเศษ แต่ถ้ามันถูกผสมอยู่ท้าย ๆ ของส่วนผสมก็แปลว่ามันมีปริมาณน้อยมากจึงไม่น่าจะก่อผลเสียอะไรกับผิว สามารถใช้ได้อย่างไม่ต้องกังวลขอรับ



จะใช้ Toner อย่างไรดี... ชุบสำลี ใช้ฝ่ามือ หรือสเปรย์ลงบนผิว

 


จริงๆ แล้วก็สามารถพลิกแพลงใช้ได้ทุกแบบเพียงแต่การใช้แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

การชุบสำลีแล้วเช็ดอย่างเบามือจึงช่วยเก็บกวาดสิ่งตกค้างได้ดีกว่าการฉีดพ่นหรือการมือประคบ (แถมช่วยเช็ดเอาเซลล์ผิวที่ลอกออกมาได้ด้วย) การใช้สำลีเช็ดยังไม่ทำให้ผลิตภัณฑ์หกหรือหยดเลอะเทอะเหมือนกับการใช้มือประคบแถมยังมั่นใจเรื่องความสะอาดได้อีกด้วย แต่การเช็ดสำลีแรงเกินไปก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้เหมือนกัน แล้วบางทีสำลีก็ทำให้สิ้นเปลืองผลิตภัณฑ์มากไปหน่อย ถ้าต้องการประหยัดผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่ามือเราสะอาดดี และทำความสะอาดผิวได้หมดจด ก็ไม่ต้องใช้สำลีก็ได้

การเทโทนเนอร์ลงบนฝ่ามือแล้วแปะ ประคบ ตบเบา ๆ บนใบหน้าก็เป็นวิธีที่ทั้งประหยัดและให้ความรู้สึกดี แต่ก็ต้องมั่นใจว่ามือเราสะอาดดี วิธีการใช้แบบนี้จะไม่ช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรกหรือเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมาได้เหมือนกับการใช้สำลี

ส่วนการสเปรย์ลงผิวนั้นก็ทำได้สะดวกดีมิใช่น้อย แต่ถ้าจะใช้วิธีนี้ก็ต้องระวังเรื่องส่วนผสมมากหน่อยเพราะถ้าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้มีสารก่อการระคายเคืองมันก็จะไปทำให้ผิวที่บอบบางอย่างดวงตาหรือรอบดวงตาระคายเคืองได้ โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมดีทุกชนิดสามารถนำมาใส่ขวดปั้มสเปรย์ได้ทั้งนั้น จะใส่เป็นขวดเล็ก ๆ เพื่อฉีดพ่นเรียกความสดชื่นระหว่างวันก็ดีมิใช่น้อย (พวกสเปรย์น้ำแร่แบบกระป๋องน่ะไม่ต้องไปซื้อมาให้เปลืองเงินหรอก ถ้าคิดว่าน้ำแร่นั้นแสนดีกับผิวก็ไปซื้อน้ำแร่ขวด ๆ สำหรับดื่มมาเทใส่ขวดสเปรย์ใช้เองก็ได้ เพราะว่าก๊าซที่อัดอยู่ในกระป๋องมันทำให้เกิดอนุมูลอิสระได้เมื่อฉีดลงบนผิว)



เช็ด Toner ย้อนรูขุมขนหรือตามรูขุมขนแบบไหนดีกว่ากัน?

ยังไม่มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่มาเปรียบเทียบว่าการเช็ด Toner วิธีใดให้ผลดีกว่ากัน แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องเช็ดอย่างอ่อนโยนเบามือ จะใช้วิธีแตะ ๆ ไล่มาเรื่อย ๆ ก็ได้

บรรจุภัณฑ์เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือก Toner รึเปล่า?


ถ้าคุณอ่านส่วนผสมแล้วว่าโทนเนอร์ที่คุณใช้มีสารแอนติออกซิแดนท์หรือวิตามินที่ไวต่อแสง บรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดใสแจ๋วก็จะทำให้สารบำรุงเหล่านั้นเสื่อมไปเรื่อย ๆ ถ้าคุณอุตส่าห์ลงทุนจ่ายเงินเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดี ๆ ก็ควรเลือกตัวที่มีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมด้วย

แต่ถ้าโทนเนอร์ที่คุณเน้นให้ความชุ่มชื้นเป็นหลัก จะเป็นขวดใสก็ไม่เป็นไรขอรับ


เช็ดโทนเนอร์แล้วสำลีมีคราบดำ ๆ นั่นเป็นเพราะเรายังทำความสะอาดไม่ดีพอรึเปล่า


มีความเป็นไปได้สองอย่าง

อย่างแรกคือทำความสะอาดในขั้นตอนก่อนหน้านี้ไม่ดีพอ ถ้าคุณแต่งหน้าโดยใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำหรือติดทนนาน ควรใช้ Makeup Remover ก่อนทุกครั้ง และการใช้ Detergent-Base Cleanser ก็ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่น้อยจนเกินไป เพื่อให้มี Surfactant มากพอในการทำความสะอาด ถ้าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ควรใช้ร่วมกับผ้าขนหนูหรือ Wash Cloth

อย่างที่สอง คราบที่ติดสำลีหลังเช็ดโทนเนอร์นั้นอาจเป็นส่วนปลายของของสิวอุดตัดหรือสิวเสี้ยน (ที่เรียกว่าสิวหัวดำ) คราบดำ ๆ นี้ไม่ใช่สิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองที่ตกค้างแต่เป็นไขมันอุดตันที่เกิดการ Oxidize เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนจนกลายเป็นสีดำ


ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ประเภท Toner
 
 
 

Good - Paula’s Choice : Skin Balancing Toner

โทนเนอร์เป็นสิ่งที่โดดเด่นมากในแบรนด์ Paula’s Choice เพราะคุณจะหาโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมดี ๆ แบบนี้ได้ยากมากในท้องตลาด หรือถ้าหาได้มันก็อาจมีราคาแพงหูดับ

ส่วนผสมหลัก ๆ ก็คือสารให้ความชุ่มชื้น มี Niacinamide มาเป็นอันดับที่สี่ วิตามินตัวนี้มีประโยชน์มากมายหลายด้าน (หาอ่านได้ใน Blog นี้แหล่ะขอรับ) นอกจากนี้ก็มีสารต้านการระคายเคือง สารแอนติออกซิแดนท์และ Natural Moisturizing Factor ไม่มีน้ำหอม สี และสารก่อการระคายเคืองที่มักใส่ในโทนเนอร์ทั่วไป

ถ้าคุณคิดจะลงทุนกับโทนเนอร์สักตัว ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็มีราคาไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ราคาใน USA ขายที่ 14.95$ ราคาตามเวปไซท์ของไทยที่หิ้วเข้ามาขายก็ประมาณ 800 – 900 บาท ที่ถูกที่สุดเท่าที่เห็นก็คือ 775 บาทขอรับ

(PS. ส่วนจะซื้อที่ไหนยังไง รบกวนไปพยายามหากันดูเองนะขอรับ)

Ingredients :
Water, Glycerin, Butylene Glycol (water-binding agents), Niacinamide (vitamin B3/cell-communcating ingredient), Adenosine Triphosphate (cell-communicating ingredient/skin conditioning agent), Anthemis Nobilis (Chamomile) Flower Extract (anti-irritant), Arctium Lappa (Burdock) Root Extract (antioxidant), Hydrolyzed Jojoba Esters, Hydrolyzed Vegetable Protein (skin conditioning agents), Sodium PCA, Panthenol, Sodium Hyaluronate (water-binding agents), Sodium Chondroitin Sulfate (skin conditioning agent), Ceramide 3, Ceramide 6 II, Ceramide 1, Phytosphingosine, Cholesterol (lipid-based water-binding agents), Tetrahexyldecyl Ascorbate (vitamin C/antioxidant), Oleth-10, DEA-Oleth-10 Phosphate, Sodium Lauroyl Lactylate (emulsifiers), Polysorbate-20 (skin conditioning agent), Caprylyl Glycol, Hexylene Glycol (preservatives), Sodium Citrate (pH adjuster), Carbomer, Xanthan Gum (thickener), Trisodium EDTA (chelating agent), Phenoxyethanol (preservative)


Good - ProActiv Solution : Revitalizing Toner

โทนเนอร์ตัวนี้มี Glycolic Acid มาเป็นอันดับสอง ความเข้มข้นยังไม่แน่ชัดเพราะว่าเท่าที่หาข้อมูลดูบางแหล่งก็บอกว่า 5% บางแหล่งก็บอกว่า 6% เอาเป็นว่ามันก็น่าจะมากพอที่จะมีประโยชน์ในการ Exfoliate ผิวได้บ้างแหล่ะ (แต่จะให้ดีควรมีความเข้มข้น 8 - 15 %) ถ้าตัด Witch Hazel Extract ออกไปหรือมีปริมาณน้อยกว่านี้หน่อยก็คงจะได้มงกุฏไปครองแล้ว เพราะสารแอนติออกซิแดนท์ สารต้านการระคายเคืองและสารให้ความชุ่มชื้นนั้นหลากหลายดี

Benzophenone-4 หรือสารกรองรังสี UV ปริมาณเล็กน้อยนี้ใส่มาเพื่อยืดอายุการเก็บของผลิตภัณฑ์ขอรับ ไม่ได้ช่วยปกป้องแสงแดดให้ผิวคุณได้ สีและน้ำหอมก็คงไม่เหมาะกับผิว sensitive จริง ๆ สักเท่าไหร่

Ingredients:
Water, Glycolic Acid, Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Extract, Anthemis Nobilis Flower Extract, Rosa Canina Fruit Extract, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Sodium Pca, Panthenol, Glycerin, Propylene Glycol, Allantoin, Polysorbate-20, Hydroxyethylcellulose, Sodium Hydroxide, Benzophenone-4, Tetrasodium Edta, Methylparaben, Propylparaben, Imidazolidinyl Urea, Fragrance, Blue 1, Yellow 5


Good - Eucerin : Balancing Toner

เป็นโทนเนอร์ระดับมาตรฐาน แต่ที่ได้ไฟเขียวไปเพราะว่ามันปราศจากสีและน้ำหอม บวกกับปริมาณ Water-binding Agent ที่น่าประทับใจ ราคาก็ถือว่ากลาง ๆ ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป หาซื้อได้ง่าย

Ingredients :
Water, Dipropylene Glycol, PEG-8 Sodium Lactate, Sodium PCA, Panthenol, Alanine, Serine, Glycine, PEG-40 Hydrogenated Beaver Oil, Trisodium EDTA, Polyquaternium-10, Methylparaben, Polyaminopropyl Biguanide


Average - Neutrogena : Alcohol-Free Toner

เป็นตัวอย่างของโทนเนอร์มาตรฐานสำหรับปัจจุบัน ประกอบไปด้วยน้ำ + Slip Agent + สารให้ความชุ่มชื้น + สารกันเสีย + น้ำหอม

ที่ได้แค่ระดับปานกลางเพราะปริมาณสารให้ความชุ่มชื้นน้อยไปหน่อย ถ้าเพิ่มพวก Sodium Hyaluronate หรือสารแอนติออกซิแดนท์กับต้านการระคายเคืองมาให้อีกอย่างละนิดก็คงจะน่าใช้กว่านี้มาก แต่อย่างไรก็ดีนี่ก็เป็นโทนเนอร์ปราศจากแอลกอฮอล์ที่มีราคาถูกและหาซื้อได้ไม่ยาก

Ingredients :
Purified Water, PEG-4, Butylene Glycol, Polysorbate 20, Ceteth-24, Choleth-24, Panthenol, Glycereth-26, Sodium Pca, Benzalkonium Chloride, Disodium Edta, Sodium Chloride, Methylparaben, Propylparaben, Fragrance


Average - clé de peau BEAUTÉ : Gentle Balancing Lotion / Lotion Tendre

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีราคาแพงสยองโลกแต่ส่วนผสมไม่ได้ควรค่าแก่ป้ายราคาแม้แต่น้อย

Alcohol ที่มาเป็นอันดับสามทำให้โทนเนอร์ตัวนี้อาจก่อการระคายเคืองได้ในระกับหนึ่ง แต่ถึงคุณจะมองข้ามเรื่องแอลกอฮอล์ไป โทนเนอร์ตัวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า น้ำ + Slip Agent + สารให้ความหวานที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น + สารกันเสีย ที่เหลือก็คือสารสกัดจากพืชปริมาณเล็กน้อยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้วก็สี

Ingredients :
Water, Butylene Glycol, Alcohol, Glycerin, Xylitol, Maltitol, Ppg-13 Decyltetradeceth-24, Methylparaben, Trisodium Hedta, Sodium Citrate, Sodium Acetyl Hyaluronate, Rosa Roxburghii Extract, Scutellaria Baicalensis Extract, Yellow 6, Yellow 10


Average - Lancôme : Secret De Vie Precious Reviving Toner

โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมแบบนี้ถือว่าแย่กว่าระดับธรรมดา ถึงจะมีส่วนผสมหลายตัวแต่หลัก ๆ แล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรกับผิวสักเท่าไหร่

Alcohol Denat มาเป็นอันดับสี่อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้บ้าง Titanium Dioxide กับ Mica จำนวนมากให้ผลทางคอสเมติคช่วยกระจายแสงเพื่อหลอกให้คุณคิดรู้สึกว่าผิวดูกระจ่างขึ้นทันทีที่ใช้ สารที่มีประโยชน์กับผิวจริงๆ ถูกใส่มาในปริมาณไม่มาก นอกจากนี้ยังมี Fragrance Component อยู่หลายตัว ซึ่งทำให้นี่เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเงินเอาเสียเลย...

Ingredients :
Water, Butylene Glycol, Glycerin, Alcohol Denat., Titanium Dioxide, Mica, Cyclodextrin, Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid, Sodium Hydroxide, Sodium Hyaluronate, Yeast Extract, Peg-60 Hydrogenated Castor Oil, Peg-192 Apricot Kernel Glycerides, Algae Extract, Limonene, Mannitol, Propylene Glycol, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Geraniol, Disodium Edta, Rosa Gallica (Rosa Gallica) Flower Extract, Disodium Succinate, Methyl Gluceth-20, Methylparaben, Butylphenyl Methylpropional, Citronellol, Alteromonas Ferment Extract, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Fragrance


Bad - Sisley : Botanical Grapefruit Toning Lotion

ถ้าถามถึงโทนเนอร์ที่โคตรแพงแต่ห่วยบรม กระผมจะนึกถึง Sisley เป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้วยการรวมตัวของส่วนผสมที่เป็นหายนะของผิวอย่าง SD Alcohol 39-C และสารสกัด Grapefruit ที่ก่อการระคายเคืองได้ รวมถึงสีและน้ำหอม แต่เอามาขายในราคาแพงไร้ศีลธรรมเยี่ยงนี้ถือเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง...

Ingredients :
Water, SD Alcohol 39-C, Citrus Grandis (Grapefruit) Extract, Propylene Glycol, Benzoic Acid, Phenoxyethanol, Peg-40 Hydrogenated Castor Oil, Triethanolamine, Methylparaben, Yellow 5, Red 4, Butylparaben, Fragrance, Ethylparaben, Propylparaben


Bad - Guerlain : Issima Success Model Smoothing Toner Advanced Formula

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีแอลกอฮอล์มาเป็นอันดับสอง แล้วก็ตามมาด้วย Glycerin ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น PEG-60 Hydrogenated Castor Oil เป็น Emulsifying Agent ส่วน Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Methylparaben เป็นสารกันเสีย ส่วนผสมที่มีประโยชน์กับผิวถูกใส่มาหลังจากนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรกับผิว เขาไม่ได้โกหกคุณที่ว่าสินค้าของเขานั้นมีสารบำรุงหลากหลาย เพียงแต่เขาไม่ได้บอกคุณว่ามันมีปริมาณน้อยนิดก็เท่านั้น

ถ้านี่เป็นโทนเนอร์ที่คุณคิดว่ามัน Advanced ดียอดเยี่ยมแล้วล่ะก็เชิญไปสอยมาใช้ได้ตามใจอยากเลยขอรับ

Ingredients :
Water, Alcohol, Glycerin, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, PEG-150, Phenoxyethanol, Tromethamine, Carbomer, Chlorphenesin, Methylparaben, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Benzophenone-4, Disodium EDTA, Tetrasodium EDTA, Butylene Glycol, Fragrance, Propylene Glycol, Tocopheryl Acetate, Styrene/Acrylates Copolymer, Triticum Vulgare (Wheat) Protein, Biosaccharide Gum-1, Sodium Hyaluronate, Alpha-Isomethyl Ionone, Hydrolyzed Soy Flour, Aloe Barbadensis Leaf Extract, Citronellol, Peg-40 Hydrogenated Castor Oil, Geraniol, Linalool, Yeast Extract, Rosa Centifolia Flower Extract, Crataegus Monogina Flower Extract, Hydrolyzed Linseed Extract, Sodium Lauryl Sulfate, Artemisia Capillaris Flower Extract, Potentilla Erecta Root Extract, Butylparaben, Ethylparaben, Limonene, Propylparaben, Isobutylparaben, Red 4, Yellow 5


Bad - Dermalogica : AGE Smart Antioxidant Hydramist

กระผมยกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า โทนเนอร์ที่เริ่มต้นมาดีแต่ตกม้าตายกลางทางมันเป็นอย่างไร

ไล่อ่านส่วนผสมตั้งแต่ต้นไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ส่วนผสมแต่ละตัวล้วนมีประโยชน์ต่อผิวไม่ว่าจะเป็นเปปไทด์ วิตามินซีเสถียรแบบ MAP สารให้ความชุ่มชื้น สารแอนติออกซิแดนท์ และสารต้านการระคายเคือง

นี่จะเป็นโทนเนอร์ที่ยอดเยี่ยมและสมควรได้รับการสรรเสริญจากปูเป้เป็นแน่แท้ถ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ตัดส่วนผสมที่อยู่ครึ่งหลังออกไปเพราะ Citral, Citronellol, Eugenol, Farnesol, Geraniol, Hydroxycitronellal, Isoeugenol, Linalool, Acorus Calamus, Aniba Rosaeodora (Rosewood) Wood Oil, Eugenia Caryophyllus (Clove) Flower Oil, Pelargonium Graveolens Flower Oil, Rose Flower Oil, Citrus Medica Limonum (Lemon) Peel Oil/Extract ทั้งหมดนี้เป็นสารก่อการระคายเคืองทั้งสิ้น...


Ingredients :
Water, Palmitoyl Tripeptide-5, Arginine/Lysine Polypeptide, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Glucosamine Hcl, Carboxymethyl Beta-Glucan, Camellia Sinensis Leaf Extract, Bambusa Vulgaris Leaf/Stem Extract, Pisum Sativum (Pea) Extract, Aloe Barbadensis Leaf Juice Powder, Sodium Lactate, Sodium Pca, Sorbitol, Proline, Dipotassium Glycyrrhizate, Methyl Gluceth-20, Lecithin, Tocopherol, Glycerin, Peg-40 Hydrogenated Caster Oil, Tocopheryl Acetate, Disodium Edta, Benzyl Pca, Phenoxyethanol, Butylene Glycol, Citral, Citronellol, Eugenol, Farnesol, Geraniol, Hydroxycitronellal, Isoeugenol, Linalool, Acorus Calamus, Aniba Rosaeodora (Rosewood) Wood Oil, Eugenia Caryophyllus (Clove) Flower Oil, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Pelargonium Graveolens Flower Oil, Rose Flower Oil, Citrus Medica Limonum (Lemon) Peel Oil/Extract, Caprylic






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น